หากเรายังใช้ยาต้านแบคทีเรีย (ยาต้านแบคทีเรีย) อย่างพร่ำเพรื่อกันอย่างทุกวันนี้ ในปี ค.ศ. 2050 ปัญหาเชื้อดื้อยาจะรุนแรงเท่าภัยก่อการร้าย ทำคนตาย 3 วินาทีต่อคน*
ยังไม่สายเกินไป หากทุกภาคส่วนร่วมกันตระหนักถึงปัญหาเชื้อดื้อยา และลงมือแก้ไขให้ทันท่วงที
- ประชาชน ไม่ใช้ยาต้านแบคทีเรียเหมือนเป็นขนม
- บุคลากรทางการแพทย์ จ่ายยาต้านแบคทีเรียเมื่อมีหลักฐานการติดเชื้อแบคทีเรีย ไม่ใช้ในโรคติดเชื้อไวรัส ไม่จ่ายยาต้านแบคทีเรียที่ออกฤทธิ์กว้างเกินความจำเป็น
- รัฐบาล แบ่งปันงบประมาณอย่างพอเพียง เพื่อปฏิบัติให้บรรลุผลตามยุทธศาสตร์แห่งชาติที่ได้วางไว้
- โรงเรียนแพทย์ เภสัชกร ทันตแพทย์ พยาบาล และ สัตวแพทย์ สอนศิษย์ของตนให้ตระหนักรู้ถึงปัญหาเชื้อดื้อยา และมีสมรรถภาพ (competency) ที่จะใช้ยาต้านแบคทีเรียได้อย่างสมเหตุผล
- สื่อสารมวลชน เกาะติดข่าวเหล่านี้และนำเสนอให้เกิดความตระหนักรู้แก่ประชาชนทุกครัวเรือน
- กระทรวงศึกษาธิการ บรรจุเนื้อหาเหล่านี้ไว้ในหลักสูตรตั้งแต่ชั้นอนุบาลถึงมหาวิทยาลัย
กพย. สนับสนุนการสร้างสื่อรณรงค์ของ สยส. ในโครงการพัฒนารูปแบบการเสริมสร้างพลังประชาชนผ่านการเชื่อมต่อกับชุมชนเข้มแข็งเชิงรุก
*แหล่งข้อมูล
|