search ค้นหาภายในเว็บไซต์
 
 
โลโก้ กพย. โลโก้ สสส.
 
ลิงค์
บล็อก กพย.

เว็บไซต์ KnowSteroid

Facebook โฆษณา

Facebook สเตียรอยด์
Facebook Twitter
Youtube กพย.



สถิติ

ปรับปรุง : 7/03/2018
สถิติผู้เข้าชม:6527166
การเปิดหน้าเว็บ:9371097
Online User Last 1 hour (0 users)


 
  รุมสวดรมว.สธ.ไฟเขียวเบิกยาข้อเข่าชี้เอื้อประโยชน์
  20 พฤศจิกายน 2555
 
 


วันที่: 20 พฤศจิกายน 2555
ที่มา: โพสต์ทูเดย์



บอร์ดสปสช.รุมสวด "นพ.ประดิษฐ" ไฟเขียวเบิกยาข้อเข่า  ชี้เอื้อประโยชน์บริษัทข้ามชาติ วางนโยบายเอื้อรพ.เอกชน

น.ส.บุญยืน ศิริธรรม กรรมการหลักประกันสุขภาพ (บอร์ดสปสช.) เปิดเผยว่า การที่ นพ.ประดิษฐ สินธวณรงค์ รมว. สาธารณสุข (สธ.) สั่งให้กรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง ถอยเรื่อยห้ามข้าราชการเบิกจ่ายยากลูโคซามีน หรือยารักษาข้อเข่าเสื่อม สะท้อนถึงความไม่จริงใจที่จะลดความเหลื่อมล้ำระหว่าง 3 กองทุนสุขภาพ และเป็นการเอื้อประโยชน์บริษัทยาข้ามชาติอย่างชัดเจน

"อยากถามรัฐมนตรีที่เป็นหมอว่าเอาข้อมูลวิชาการจากไหนมาใช้ตัดสินใจ เพราะขนาดสหรัฐอเมริกายังจัดกลูโคซามีนเป็นเพียงอาหารเสริมประเภทหนึ่งเท่านั้น ไม่ใช่ยารักษาโรค" น.ส.บุญยืน กล่าว

น.ส.บุญยืน กล่าวอีกว่า การสั่งข้ามกระทรวงของนพ.ประดิษฐครั้งนี้ จะทำให้ประเทศไทยต้องสูญเสียเงินงบประมาณปีละกว่า 700 ล้านบาท โดยไม่เกิดประโยชน์ ทั้งๆ ที่รัฐบาลเพิ่งประกาศนโยบายลดค่าใช้จ่ายที่ไม่ก่อให้เกิดผลต่อสุขภาพของสวัสดิการข้าราชการ

"ในที่สุดนโยบายลดความเหลื่อมล้ำก็เป็นเพียงราคาคุย แต่พอทำจริงกลับเอื้อประโยชน์บริษัทยาต่างชาติ นอกจากนี้การตัดงบเหมาจ่ายในระบบบัตรทองจะยิ่งทำให้ระบบกลายเป็นระบบอนาถา แล้วก็ผลักผู้ป่วยให้ไปใช้บริการโรงพยาบาลเอกชนเท่านั้นเอง” น.ส.บุญยืน กล่าว

นพ.วิชัย โชควิวัฒน บอร์ดสปสช. กล่าวว่า แนวคิดของนพ.ประดิษฐที่จะยกเลิกกองทุนย่อยต่างๆ ของสปสช. เป็นนโยบายถอยหลังเข้าคลองครั้งใหญ่ เพราะรากฐานการเข้าถึงบริการของผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรัง เอดส์ หัวใจ มะเร็ง โรคเลือดออกง่ายฮีโมฟีเลีย ต้อกระจก โรคเบาหวานและความดันโลหิตสูง มีกองทุนย่อยเป็นเครื่องมือสำคัญในการจ่ายค่าชดเชยและควบคุมราคาค่าบริการไม่ให้สูงจนเป็นภาระค่าใช้จ่ายของสปสช.

“อยากฝากคุณหมอประดิษฐ์ ให้ใช้อำนาจที่มีอยู่เพื่อประโยชน์ของผู้ป่วยอย่าทำให้ระบบบัตรทองกลายเป็นระบบอนาถา  เพราะจะเป็นการผลักผู้ป่วยให้ไปใช้บริการโรงพยาบาลเอกชน เหมือนในอดีต ขณะนี้สังคมกำลังจับตาว่าเป็นการทุจริตเชิงนโยบายเอื้อประโยชน์ให้กับผู้ที่กำลังกว้านซื้อขยายธุรกิจ โรงพยาบาลเอกชนหรือไม่” นพ.วิชัย กล่าว