วันที่: 7 มีนาคม 2555 ที่มา: ประชาชาติธุรกิจ คอลัมน์ สามัญสำนึก โดย ถวัลย์ศักดิ์ สมรรณะบุตร
ปัจจุบันทีวีดาวเทียม หรือที่รู้จักกันดีในนาม "จานดำ" ได้แพร่กระจายไปสู่ทุกภูมิภาคของประเทศ ด้วยราคาค่าติดตั้งที่ถูกกว่า หรือประมาณไม่เกิน 3,000-4,000 บาท/จาน ที่สำคัญไม่มีการคิดค่าบริการรายเดือน มีช่องให้เลือกดูเป็น 100 เป็น 1,000 ช่อง ส่งผลให้ทีวีดาวเทียมได้รับความนิยม "เบียด" แซงฟรีทีวี หรือทีวีรายการปกติ 3-5-7-9-11 ตลอดจนเคเบิลทีวี หรือจานแดงไปอย่างไม่เห็นฝุ่น
ว่ากันว่า หากจะเช็กความนิยมในตัวทีวีดาวเทียมในต่างจังหวัดให้สังเกตการหายไปของหนวดกุ้งหรือเสาอากาศแบบก้างปลา ที่กำลังถูกแทนที่ด้วยจานรับสัญญาณดาวเทียมราคาถูกจากจีนที่ผุดขึ้นทุกหัวระแหงของประเทศไทย
ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ใดในประเทศก็สามารถติดตั้งจานดำรับสัญญาณดาวเทียมได้
อย่างไรก็ตาม การปรากฏตัวขึ้นของจานดำดูเผิน ๆ เสมือนหนึ่งคนไทยมีทางเลือกมากขึ้น นอกเหนือไปจากการถูก "บังคับ" ให้ดูฟรีทีวี ซึ่งทราบกันดีว่าล้วนผูกขาดกับกลุ่มทุนที่แนบแน่นมากับทหารอย่างยาวนาน
ผู้ประกอบการสินค้าก็มีทางเลือกที่จะใช้ "ช่องทาง"
การโฆษณาผ่านทีวีดาวเทียม ส่งสารไปถึงผู้บริโภคโดยไม่ต้องวิ่งหาเอเยนซี่ที่ผูกขาดเวลาในการขายโฆษณาราคามหาโหดผ่านทางฟรีทีวี
เอาเข้าจริงเรื่องกลับไม่เป็นไปอย่างที่คิด เพราะรายการที่ออกอากาศในประเทศผ่านทางทีวีดาวเทียม หรือจานดำกว่าร้อยละ 90 พูดได้เต็มปากเลยว่า ล้วนแล้วแต่เป็น "รายการขยะ" ประเภทประมูลสินค้าราคาถูก ขายตรง ดูดวง สะเดาะเคราะห์ หินมหัศจรรย์รักษาทุกโลกแบบครอบจักรวาล ไปจนกระทั่งถึง ขายเครื่องรางของขลังประเภทตะกรุด ครุฑ สัตว์ในตำนานไทย-จีนที่สูญหายไปจากโลกนี้แล้ว
ในขณะรายการที่เหลือซึ่งน้อยมากจะเป็นรายการแนวเสื้อแดงเสื้อเหลือง บันเทิงหลุดโลก ภาพยนตร์ย้อนยุค เพลงลูกทุ่ง แต่ก็ยังไม่วายแฝงไว้ด้วยการโฆษณาขายสินค้าอีก ความจริงการโฆษณาสินค้าผ่านรายการทีวีจานดำเหล่านี้ ไม่น่าเป็นห่วง หากขอย้ำว่า "หากว่า" ผู้บริโภคมีวิจารณญาณเพียงพอที่จะตัดสินได้ว่า อะไรคือจริง อะไรคือไม่จริง และอะไรคือหลอกลวง หรือเลือกที่จะเปลี่ยนช่องหันไปดูรายการช่องอื่น ๆ ที่พึงปรารถนา
แต่ภาวะที่เราไม่สามารถสกรีนคนดูทีวีจานดำที่มีทั้งเด็ก-ผู้ใหญ่-คนแก่ นักบวชทุกศาสนา บุคคลร้อยแปดประเภทที่มีระดับความรู้ วิจารณญาณแตกต่างกันไป ต้องบอกว่าโฆษณาเหล่านี้อันตรายมาก ในเมื่อกว่า 80% ล้วนแล้วแต่เป็นโฆษณาสิ่งที่อ้างว่าเป็นยา ยกตัวอย่าง
ยาเม็ดแคปซูลที่อ้างสรรพคุณช่วยรักษาอาการนกเขาไม่ขัน หรือยาแคปซูลใช้รักษาโรคนอนกรน ยาเสริมสร้างสุขภาพ/พลัง จากการบรรยายตัวยาพิสดารจากทิวเขาคุนลุนสุดหล้าฟ้าเขียว และอื่น ๆ อีกสารพัดโรค
การโฆษณายาเหล่านี้ ร้อยทั้งร้อยล้วนบอกว่า "มี อย." ซึ่งในความหมายของคนทั่วไปจะเข้าใจว่า ผ่านการรับรองจากคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) แล้ว นั่นหมายความว่า ปลอดภัย กินได้ แต่ไม่มีโฆษณาใดบอกว่า อย.นั้นเป็น อย.อะไร อาหารเสริมหรืออาหารทั่วไป เพราะการได้ อย.ไม่ได้หมายความว่า สินค้านั้นเป็นยา ยาที่ถูกต้องจะต้องมีเลขทะเบียนการขึ้นทะเบียนตำรับยาปรากฏอยู่ ทั้งยาแผนปัจจุบันและยาแผนโบราณ
แสดงว่าเจตนาจงใจหลอกผู้บริโภคให้เข้าใจผิด คิดว่าเป็นยารักษาโรค แถมด้วยการใช้หลักการตลาดแบบตื้น ๆ อาทิ ซื้อเดี๋ยวนี้แถมทันที หรือโทร.หาเราภายใน 5 นาทีรับไปอีก 1 แผง ทั้ง ๆ ที่ยาอวดอ้างสรรพคุณเหล่านี้ไม่ใช่ราคาถูก ๆ ตกประมาณกล่องละเป็น 1,000 บาทขึ้นไป
ที่สำคัญบางรายการถึงกับใช้วิธี "จ้าง" ดาราหรือบุคคลสาธารณะมานั่งฟังการบรรยายสรรพคุณ หรือพูดจาสนับสนุน โน้มน้าวให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อสินค้า
เรื่องน่าเป็นห่วงก็คือ การโฆษณาผ่านทีวีจานดำเหล่านี้ ทำไมรัฐบาลไม่เข้ามาตรวจสอบ หรือจับกุม ดำเนินคดีในข้อหาหลอกลวงผู้บริโภค ถ้ามีการกระทำผิดกฎหมาย แต่กลับปล่อยปละละเลยให้แพร่ขยายผ่านช่องทางออกอากาศกันอย่างกว้างขวาง
ขอร้องเถอะครับ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยเข้ามาตรวจสอบอย่างจริงจัง อย่าปล่อยให้ "ไทย" หลอก "ไทย" หากินกับความเชื่อของพี่น้องด้วยกันเอง
|