วันที่: 10 กุมภาพันธ์ 2555 ที่มา: มติชนออนไลน์ ลิงค์: www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1328847710
นายเฉลิมศักดิ์ กิตติตระกูล เจ้าหน้าที่ฝ่ายรณรงค์มูลนิธิเข้าถึงเอดส์ เปิดเผยว่า เนื่องในวันที่ 10 กุมภาพันธ์นี้จะเป็นการประชุมสุดยอดสหภาพยุโรป-อินเดียเพื่อสรุปข้อตกลงเอ ฟทีเอระหว่างกัน ซึ่งสหภาพยุโรปยังคงพยายามกดดันให้อินเดียต้องรับข้อตกลงที่เกินไปกว่าความ ตกลงด้านทรัพย์สินทางปัญญาขององค์การการค้าโลก หรือที่เรียกว่าทริปส์พลัส ซึ่งจะมีผลทำลายอุตสาหกรรมยาชื่อสามัญของอินเดียที่ประชาชนทั่วโลกพึ่งพา อยู่ ทางเครือข่ายด้านสาธารณสุขทั่วโลกจึงร่วมในกันจัดการรณรงค์พร้อมกันในสัปดาห์นี้
อินเดียเป็นประเทศผู้ผลิตยาชื่อสามัญรายใหญ่ที่สุดในโลก ยาจำเป็นต่างๆ กว่าร้อยละ 80 ที่ใช้อยู่ในประเทศกำลังพัฒนามาจากอินเดีย โดยเฉพาะยาต้านไวร้สเอชไอวี ประเทศไทยเป็นประเทศหนึ่งที่จ่ายยาจำเป็นสำหรับรักษาโรคเอดส์ โรคหัวใจ และมะเร็งให้กับผู้ป่วยนับล้านรายภายในระบบหลักประกันสุขภาพของประเทศไทย โดยที่ยาเหล่านี้มาจากอินเดีย แต่สหภาพยุโรปกำลังทำทุกวิถีทางที่จะปิด ร้านขายยา ของประเทศกำลังพัฒนา และตัดสายป่านชีวิตของผู้คนนับล้านที่ต้องอาศัยยาจำเป็นจากประเทศอินเดีย
สำหรับการรณรงค์ในไทย เครือข่ายประชาชนและองค์กรต่างๆที่ร่วมกันทำงานเพื่อการเข้าถึงการรักษา นำโดยเครือข่ายผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ ประเทศไทย จะใช้วิธีการส่งโทรสารและจดหมายอิเล็คทรอนิคไปยังสำนักงานคณะผู้แทนคณะ กรรมาธิการยุโรปประจำประเทศไทย และเชิญชวนประชาชนร่วมถ่ายภาพที่มีข้อความ สหภาพยุโรปหยุดแย่งยาจากพวกเราซะที/EU Hand off Our Medicines หยุดเอฟทีเอที่ทำลายยาชื่อสามัญ/Stop the FTA Attack Generic Medicines เผยแพร่ผ่านทางโซเชียลมีเดีย http://www.facebook.com/EUinThailand เพื่อกระตุ้นสำนึกผู้เจรจาของสหภาพยุโรปให้คณะกรรมาธิการยุโรปเปลี่ยนท่าที ในการเจรจาและสัญญาว่าจะสนับสนุนการเข้าถึงยาจำเป็นสำหรับประชาชนทุกคน โดยจะเริ่มการรณรงค์นี้พร้อมกันในวันศุกร์นี้
สำหรับเนื้อหาในข้อตกลงเอฟทีเอที่จะมีผลในการทำลายอุตสาหกรรมยาชื่อสามัญ อาทิ
การขยายอายุสิทธิบัตร ที่ทำให้การคุ้มครองสิทธิบัตรยาวนานเกินกว่า 20 ปีตามที่กำหนดไว้ในข้อตกลงทริปส์ขององค์การการค้าโลก การผูกขาดข้อมูลทางยา ซึ่งเป็นการจำกัดสิทธิ์หรือทำให้นำยาชื่อสามัญมาขึ้นทะเบียนยาไม่ได้หรือได้ อย่างยากลำบาก การบังคับใช้กฎหมายทรัพย์สินทางปัญญา ที่บังคับให้รัฐบาลและระบบศาลของอินเดียต้องตัดสินคดีที่เกี่ยวข้องกับ ทรัพย์สินทางปัญญาโดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของเจ้าของสิทธิบัตรเป็นสำคัญ มากกว่าเรื่องสาธารณสุขของประชาชน และบั่นทอนการแข่งขันของยาชื่อสามัญ มาตรการชายแดน ที่จะทำให้การส่งออกยาจากอินเดียไปยังประเทศกำลังพัฒนามีความยากลำบากหรือ ไม่อาจจะส่งออกไปได้เลย
|