search ค้นหาภายในเว็บไซต์
 
 
โลโก้ กพย. โลโก้ สสส.
 
ลิงค์
บล็อก กพย.

เว็บไซต์ KnowSteroid

Facebook โฆษณา

Facebook สเตียรอยด์
Facebook Twitter
Youtube กพย.



สถิติ

ปรับปรุง : 7/03/2018
สถิติผู้เข้าชม:6517523
การเปิดหน้าเว็บ:9360700
Online User Last 1 hour (0 users)


 
  รพ.เอกชนวุ่นหา "วัคซีนรวม 5 โรค" เหตุขาดตลาด บ.ต่างชาติมีปัญหาเทคนิค
  08 เมษายน 2558
 
 


ที่มา: ASTVผู้จัดการออนไลน์
ลิงค์: www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9580000040776     



        วัคซีนรวม 1 เข็มป้องกัน 5 โรค "คอตีบ - ไอกรน - บาดทะยัก - ตับอักเสบบี - เยื่อหุ้มสมองอักเสบจากแบคทีเรียฮิบ" ขาดตลาด เหตุบริษัทผู้ผลิตรายใหญ่มีปัญหาทางด้านเทคนิค รพ. เอกชน เร่งควานหาวัคซีนวุ่น เหตุพ่อแม่คนมีเงินนิยมเสียตังค์ฉีด ลดจำนวนฉีดป้องกันได้หลายโรค เผยไทยถูกยกเลิกสัญญาถ่ายทอดผลิตวัคซีนรวมดังกล่าว เหตุทำงานล่าช้าไม่เป็นไปตามโรดแมป

        แหล่งข่าวในแวดวงสาธารณสุข กล่าวว่า ขณะนี้สถานพยาบาลต่างๆ โดยเฉพาะภาคเอกชน กำลังวุ่นกับการหาวัคซีนรวม 1 เข็ม ป้องกัน 5 โรค คือ คอตีบ ไอกรน บาดทะยัก ตับอักเสบบี และเยื่อหุ้มสมองอักเสบจากการติดเชื้อแบคทีเรียฮิบ เนื่องจากกำลังขาดตลาด ไม่สามารถหาซื้อได้ โดยทราบว่าผู้ผลิตรายใหญ่ของโลกมีปัญหาขัดข้องทางเทคนิค ต้องหยุดผลิตโดยฉับพลัน จึงส่งวัคซีนป้อนตลาดไม่ได้ตามแผน โดยเฉพาะตลาดล่างคือประเทศกำลังพัฒนา รวมทั้งประเทศไทย ส่วนสาเหตุที่หยุดผลิตนั้นยังไม่ได้รับการเปิดเผยจากผู้บริหารของบริษัทดังกล่าว
       
       "วัคซีนรวมดังกล่าวไม่ได้บรรจุเป็นวัคซีนให้บริการฟรีของภาครัฐ เนื่องจากตัววัคซีนเยื่อหุ้มสมองอักเสบจากการติดเชื้อแบคทีเรียฮิบนั้น คณะอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิกันโรค ภายใต้คณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติ ยังไม่ได้แนะนำให้มาบรรจุไว้ในตารางการให้บริการวัคซีนของกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เพราะยังมีราคาแพงและอัตราป่วยของโรคต่ำ เมื่อเทียบกับปัญหาสาธารณสุขอื่นๆ หากต้องการรับวัคซีนตัวนี้ผู้ปกครองหรือกลุ่มเป้าหมายจึงต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเอง กลุ่มคนรวย หรือพอมีเงินจำนวนมากยินดีควักกระเป๋าจ่ายฉีดวัคซีนรวมดังกล่าว เพราะลดจำนวนครั้งของการรับวัคซีน หลีกเลี่ยงความเจ็บปวดจากเข็มฉีดยาของลูกหลาน และป้องกันโรคอื่นดังกล่าวเป็นของแถมได้ด้วย" แหล่งข่าว กล่าว
       
       แหล่งข่าวกล่าวว่า ประเทศเวียดนามพยายามแก้ปัญหาดังกล่าว โดยพัฒนาวัคซีนใช้เอง จากความร่วมมือของ 4 หน่วยงานผู้ผลิตวัคซีนในประเทศร่วมกันผลิตวัคซีนรวมที่กำลังมีปัญหาขาดแคลน ตั้งงบประมาณสนับสนุนการสร้างโรงงานและพัฒนาการผลิตหลายหมื่นล้านดง คาดว่า วัคซีนที่ผลิตได้จะสามารถนำมาทดสอบในคนได้ประมาณปี 2561 โดยช่วงแรกจะเน้นการผลิตเพื่อใช้ภายในประเทศให้เพียงพอกับความต้องการ และส่งออกขายต่างประเทศต่อไป ซึ่งการพัฒนาวัคซีนฮิบนั้นเป็นหนึ่งในวัคซีนองค์ประกอบของวัคซีนรวมดังกล่าวมาตั้งแต่ปี 2548 ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการเตรียมการนำมาทดสอบในคน ปัจจุบันเวียดนามสามารถผลิตวัคซีนเองภายในประเทศได้ 11 ชนิด จากทั้งหมด 12 ชนิด ที่ให้บริการฟรีแก่กลุ่มเป้าหมายตามตารางการให้วัคซีนของ สธ.
       
       "สำหรับประเทศไทยในอดีตเคยผลิตวัคซีนได้หลายชนิด แต่ขาดการส่งเสริมและร่วมมือกันอย่างจริงจัง ทำให้ปัจจุบันสามารถผลิตตั้งแต่ต้นน้ำและใช้ภายในประเทศเพียงชนิดเดียว คือ วัคซีนบีซีจี ป้องกันวัณโรคเด็ก โดยสถานเสาวภา ส่วนโครงการผลิตวัคซีนรวมนี้ เมื่อ 2 - 3 ปีที่ผ่านมา สถาบันวัคซีนแห่งชาติได้รับความเห็นชอบจาก ครม. จนได้ลงนามความร่วมมือกับต่างประเทศ สธ. และองค์การเภสัชกรรม (อภ.) เพื่อรับการถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตจากฝรั่งเศส โดยจะสร้างโรงงานวัคซีนที่นิคมอุตสาหกรรมแปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา ในปี 2560 ซึ่งแผนและรายละเอียดในการเตรียมการผลิตได้ตกลงกันเรียบร้อย แต่ยังประสบปัญหาเชิงนโยบาย ความเอาจริงเอาจังของผู้บริหาร ความร่วมมือกันของภาครัฐและเอกชน ความขัดแย้งในเชิงแนวคิด และผลกระทบต่อการจำหน่ายวัคซีนของบริษัทตัวแทนผู้นำเข้าในประเทศ ทำให้เป็นอุปสรรค ความก้าวหน้าของโครงการไม่เป็นไปตามแผน จนบริษัทผู้ถ่ายทอดเทคโนโลยีต้องยื่นหนังสือขอยกเลิกสัญญาเมื่อปลาย มี.ค. ที่ผ่านมา ทำให้พลาดโอกาสและเสียเวลาของการพัฒนาวัคซีนของประเทศตามโรดแมปที่สถาบันวัคซีนเสนอและได้รับความเห็นชอบจาก ครม." แหล่งข่าวกล่าว