วันที่: 3 กันยายน 2556
ที่มา: ไทยโพสต์ออนไลน์
ลิงค์: www.thaipost.net/news/030913/78722



    “หมอสุวัช” นั่งแท่น ผอ.อภ.แล้ว ชี้ต้องการคลี่คลายปัญหา แต่พร้อมเดินหน้าตามนโยบายรัฐบาล ด้านหมอพิพัฒน์เชื่อมั่นความสามารถ ผอ.คนใหม่ เผยโรงงานวัคซีนคืบเตรียมส่งโครงการให้ รมว.สธ.พิจารณาอนุมัติงบก่อสร้างเพิ่มอีก 45 ล้านบาท
 
    นพ.สุวัช เซียศิริวัฒนา ผอ.องค์การเภสัชกรรม (อภ.) กล่าวในพิธีลงนามในสัญญาว่าจ้าง ว่า ตนมีความห่วงใยต่อข่าวคราวที่เกิดขึ้นกับ อภ.ในช่วงที่ผ่านมา จึงตั้งใจสมัครมาทำงาน ช่วยคลี่คลายสถานการณ์ และร่วมกับผู้บริหารทำงานทำภารกิจ อภ.ให้เจริญมากขึ้น เบื้องต้นตนมองว่าสิ่งที่ต้องดำเนินการคือทำภารกิจที่รัฐบาลมอบหมายให้ คือ อภ.มีหน้าที่เป็นองค์กรจัดหาและกระจายยาให้กับโรงพยาบาลอย่างทั่วถึงและรวดเร็วในราคาที่เหมาะสม ยุติธรรม เป็นที่พึ่งเวลาเกิดสถานการณ์วิกฤติ ดังนั้นตนจะพยายามกำกับดูแลเนื้องานต่างๆ ที่ควรจะต้องทำให้เสร็จ สมกับเป็น อภ.

    ส่วนเรื่องการก่อสร้างโรงงานผลิตวัคซีน ในส่วนของโรงงานผลิตวัคซีนไข้หวัดใหญ่/ ไข้หวัดนก ที่ จ.สระบุรีนั้น จะเข้ามากำกับดูแลในส่วนที่ยังไม่สมบูรณ์ให้เป็นตามกำหนดการที่ควรจะเป็น ซึ่งขณะนี้ทราบว่ามีความคืบหน้าไปมากแล้ว นอกจากนี้ ในแง่ของการเป็นอุตสาหกรรมยานั้น ขณะนี้เพื่อนบ้านมีการพัฒนาไปมาก โดยเฉพาะประเทศจีนและอินเดีย ได้พัฒนาระบบยาจนกระทั่งกลายเป็นผู้นำด้านการผลิตยา ขณะที่ อภ.ก็ถือเป็นหน่วยงานที่มีศักยภาพในการผลิตยา แต่จำเป็นที่ต้องมีภาคีเครือข่ายมากกว่าที่จะเป็นคู่แข่งเอกชน โดยดูจุดสมดุล ดูความเหมาะสม เพื่อให้ประชาชนมียาที่ดีใช้ ซึ่งต้องเตรียมความพร้อมศึกษาวิจัยตัวยาที่หมดสิทธิบัตรแล้ว โดยเฉพาะยาราคาแพง ที่ภาคเอกชนยังไม่สามารถผลิตได้ หรือภาคเอกชนยังไม่พร้อมพัฒนาตัวใหม่ขึ้นมา

    “นี่เป็นการสร้างความน่าเชื่อถือให้กับระบบยาของประเทศไทย โดยมีผู้บริการและสหภาพแรงงานวิสาหกิจ อภ. ช่วยกันทำภารกิจให้เจริญก้าวหน้า โปร่งใส ตรวจสอบได้ ยึดหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง” นพ.สุวัชกล่าว และว่า ที่มาตรงนี้พร้อมที่จะได้รับการประเมินจาก อภ.และ สธ.

    ด้าน นพ.พิพัฒน์ ยิ่งเสรี ประธานบอร์ด อภ. กล่าวว่า ตนเชื่อว่าด้วยความรู้และความสามารถของ นพ.สุวัช จะช่วยให้การดำเนินงานของ อภ.เจริญก้าวหน้ามากขึ้น ซึ่งก่อนหน้านี้ได้มีการเตรียมตัวพอควร มีการปรึกษาการทำงานไปบ้างแล้วบางส่วน ทั้งนี้ งานที่รอให้ ผอ.อภ.คนใหม่เข้ามาดำเนินการ นอกจากการหายาที่จำเป็นให้ประชาชนเข้าถึงในราคายุติธรรม ตามแนวนโยบายของกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เพื่อลดค่าใช้จ่ายด้านยาในภาพรวมที่มีค่าใช้จ่ายสูงถึง 1 ใน 3 และนำเงินส่วนต่างไปพัฒนาการรักษาพยาบาลที่จำเป็นต่อไป

    “ที่ผ่านมาได้ติดตามการทำงานของ นพ.สุวัชมาตั้งแต่อยู่ สธ. ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีความสัมพันธ์กับ อภ.มาโดยตลอด จึงเชื่อว่าจะสามารถอาศัยประสบการณ์การทำงานที่ใกล้ชิดมาปรับทิศทางการทำงานให้ดีมากขึ้น ทั้งการจัดหาเวชภัณฑ์ยา เวชภัณฑ์ที่ไม่ใช่ยา พัฒนายาสมุนไพร ชีววัตถุ และหาผู้จำหน่ายหรือผลิตยาที่ไม่ค่อยมีภายในประเทศ รวมถึงการพัฒนาการก่อสร้างโรงงานวัคซีน โรงงานยาต้านไวรัสเอดส์ ให้ดำเนินงานเสร็จลุล่วง ช่วยให้ประเทศมีความมั่นคงด้านระบบยา และลดการพึ่งพาจากต่างประเทศ”

    นพ.พิพัฒน์กล่าวถึงความคืบหน้าการก่อสร้างวัคซีนไข้หวัดใหญ่/ไข้หวัดนกว่า ได้เจรจากับผู้รับเหมาเรื่องค่าใช้จ่ายในราคา 45 ล้านบาท และขยายเวลาออกไปเป็น 515 วัน โดยหลักการเรื่องการผลิตวัคซีนชนิดเชื้อตาย แต่จะมีการสร้างห้องเก็บไข่เพิ่มเติม และปรับแบบให้มีระบบความปลอดภัยสูงขึ้น เพื่อรองรับการผลิตวัคซีนไข้หวัดใหญ่/ไข้หวัดนกจากเชื้อที่มีความรุนแรงขึ้นในอนาคต ทั้งนี้ เพื่อให้ปลอดภัยสำหรับผู้ปฏิบัติงานและสิ่งแวดล้อมมากขึ้น โดยทั้งหมดจะมีการมีการประชุมคณะกรรมการกลั่นกรองฯ ในวันพรุ่งนี้ (3 ก.ย.) จากนั้นจะนำเข้าที่ประชุมบอร์ด อภ.ในวันพฤหัสบดีที่จะถึงนี้ เพื่อพิจารณาครั้งสุดท้ายก่อนส่งให้ รมว.สธ.พิจารณาเสนอให้ ครม.พิจารณาอนุมัติ.